ซาลาห์ ประวัติศาสตร์ที่ทำประตูครบ 250 ลูก

Browse By

ค่ำคืนแห่งประวัติศาสตร์ในแอนฟิลด์ถูกจารึกไว้เรียบร้อยแล้ว เมื่อ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ (Mohamed Salah) ดาวเตะทีมชาติอียิปต์ของ ลิเวอร์พูล (Liverpool) กลายเป็นนักเตะคนแรกในรอบหลายทศวรรษที่ยิงครบ 250 ประตู ในการลงเล่นให้กับสโมสรเดียวในฟุตบอลยุคพรีเมียร์ลีก สถิติที่ไม่เพียงสะท้อนถึงพรสวรรค์ แต่ยังเป็นเครื่องพิสูจน์ถึง “ความสม่ำเสมอและหัวใจของผู้ชนะ” ซึ่งเป็นสิ่งที่หาได้ยากในโลกฟุตบอลยุคปัจจุบัน

เสียงเชียร์กระหึ่มทั่วแอนฟิลด์เมื่อซาลาห์ทำประตูที่ 250 ของเขาได้ในเกมพรีเมียร์ลีกนัดล่าสุดกับเชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด ประตูนั้นไม่เพียงช่วยให้ลิเวอร์พูลคว้าชัยชนะได้อย่างสวยงาม แต่ยังเป็นจุดหมายที่แฟนบอลทั่วโลกเฝ้ารอ เพราะมันคือหลักฐานที่ตอกย้ำว่า ชายผู้มาจากดินแดนแห่งพีระมิดได้กลายเป็นหนึ่งในตำนานของสโมสรที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในเกาะอังกฤษอย่างแท้จริง

ตั้งแต่วันที่ซาลาห์ก้าวเข้าสู่แอนฟิลด์ในปี 2017 ภายใต้การคุมทีมของ เจอร์เก้น คล็อปป์ (Jürgen Klopp) ไม่มีใครคาดคิดว่านักเตะที่เคยถูกมองข้ามจากเชลซี จะกลายมาเป็นหนึ่งในนักเตะที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ลิเวอร์พูล เขาเริ่มต้นด้วยความกระหายและความมุ่งมั่นที่จะพิสูจน์ตัวเอง และเพียงฤดูกาลแรก เขาก็ระเบิดฟอร์มด้วยการยิงไปถึง 44 ประตูจากทุกรายการ กลายเป็นการเปิดตัวที่โลกฟุตบอลต้องจดจำ

แฟนบอลที่ติดตามเรื่องราวของเขาผ่าน เล่นคาสิโนออนไลน์กับ ยูฟ่าเบท เว็บตรง มั่นคง ปลอดภัย ระบบทันสมัยที่สุด สมัครง่าย ไม่ผ่านเอเย่นต์ พร้อมโปรโมชั่นเด็ดทุกวัน ต่างรู้ดีว่า ซาลาห์ไม่ได้เป็นแค่ดาวยิงธรรมดา แต่เป็นนักเตะที่สร้างปรากฏการณ์ในทุกฤดูกาล ความเร็ว ความเฉียบคม และความมั่นใจในการจบสกอร์ทำให้เขากลายเป็นฝันร้ายของกองหลังทั่วพรีเมียร์ลีก ทุกครั้งที่เขาลงสนาม ความคาดหวังไม่ได้อยู่ที่ว่า “เขาจะยิงได้ไหม” แต่คือ “เขาจะยิงเมื่อไหร่”

ในเส้นทางสู่ประตูที่ 250 ของเขา ซาลาห์ใช้เวลาเพียง 7 ปี ซึ่งถือเป็นสถิติที่เร็วที่สุดอันดับต้น ๆ ในประวัติศาสตร์สโมสรลิเวอร์พูล โดยเขาทำประตูได้จากทุกมุมของสนาม — ทั้งเท้าซ้าย เท้าขวา และแม้แต่ลูกโหม่ง ความหลากหลายในวิธีการทำประตูทำให้เขาเป็นนักเตะที่คาดเดาได้ยากและอันตรายทุกครั้งที่มีบอลอยู่ในเท้า

ประตูที่จารึกเป็นหมายเลข 250 มาถึงในนาทีที่ 58 ของเกมที่พบเชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด เมื่อเขาเก็บบอลได้ในกรอบเขตโทษก่อนหมุนตัวยิงด้วยซ้าย บอลพุ่งเสียบเสาอย่างเฉียบคม เสียงเฮจากแฟนบอลกว่า 50,000 คนดังขึ้นทันที ขณะที่เพื่อนร่วมทีมต่างกรูกันเข้ามาแสดงความยินดี มันคือช่วงเวลาที่ไม่เพียงแต่ซาลาห์จะจดจำ แต่ยังเป็นช่วงเวลาที่ทุกคนในสนามรู้ดีว่ากำลังเป็นส่วนหนึ่งของประวัติศาสตร์

สิ่งที่ทำให้ซาลาห์แตกต่างจากดาวยิงคนอื่นคือ “ความสม่ำเสมอ” ตลอดระยะเวลา 7 ปีในแอนฟิลด์ เขายิงได้มากกว่า 20 ประตูต่อฤดูกาลในทุกรายการอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นพรีเมียร์ลีกหรือยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก เขาคือความหวังสูงสุดของทีมในทุกสถานการณ์ และไม่เคยทำให้แฟนบอลผิดหวังเลยแม้แต่ครั้งเดียว

เจอร์เก้น คล็อปป์ เคยกล่าวถึงลูกทีมคนนี้ว่า “ซาลาห์ไม่ใช่แค่เครื่องจักรทำประตู แต่เขาเป็นคนที่เข้าใจเกมอย่างลึกซึ้ง เขาทำงานหนักเพื่อทีม วิ่งไม่มีหยุด และเล่นเพื่อชัยชนะมากกว่าชื่อเสียงของตัวเอง” คำพูดนี้สะท้อนให้เห็นถึงจิตใจของยอดนักเตะที่เต็มไปด้วยความเสียสละและความทุ่มเท ซึ่งเป็นเหตุผลที่แฟนบอลลิเวอร์พูลทั่วโลกต่างยกให้เขาเป็น “ราชาแห่งแอนฟิลด์”

นับตั้งแต่สวมเสื้อหมายเลข 11 ซาลาห์พาลิเวอร์พูลคว้าความสำเร็จมากมาย ไม่ว่าจะเป็นแชมป์พรีเมียร์ลีกในฤดูกาล 2019/20 ที่สิ้นสุดการรอคอยกว่า 30 ปีของสโมสร แชมป์ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก 2018/19, ยูฟ่า ซูเปอร์คัพ, ฟีฟ่า คลับ เวิลด์คัพ และแชมป์บอลถ้วยในประเทศอีกหลายรายการ เขาไม่เพียงเป็นหัวใจในเกมรุก แต่ยังเป็นสัญลักษณ์ของยุคทองที่แท้จริงของสโมสรภายใต้คล็อปป์

แต่เบื้องหลังตัวเลขอันน่าทึ่งนี้ คือเรื่องราวแห่งการต่อสู้ที่ไม่เคยง่ายดาย ซาลาห์เริ่มต้นเส้นทางในยุโรปกับบาเซิลในสวิตเซอร์แลนด์ ก่อนย้ายมาลองเสี่ยงกับเชลซี แต่ไม่ประสบความสำเร็จ เขาถูกปล่อยยืมตัวไปเล่นในอิตาลีกับฟิออเรนติน่าและโรม่า และนั่นคือช่วงเวลาที่เขาพิสูจน์ตัวเองว่า “เขามีของจริง” จนลิเวอร์พูลตัดสินใจคว้าตัวมาร่วมทีมในปี 2017

นับแต่นั้นมา เส้นทางของซาลาห์คือเรื่องราวของแรงบันดาลใจ เขาแสดงให้โลกเห็นว่า นักเตะจากตะวันออกกลางก็สามารถยืนอยู่ในระดับสูงสุดของฟุตบอลยุโรปได้ด้วยความสามารถล้วน ๆ และทุกครั้งที่เขายิงประตูได้ แฟนบอลอียิปต์ทั้งประเทศก็จะรู้สึกภาคภูมิใจไปพร้อมกับเขา

ในแง่สถิติ ปัจจุบันซาลาห์กลายเป็นหนึ่งในนักเตะที่ทำประตูให้ลิเวอร์พูลมากที่สุดเป็นอันดับ 4 ในประวัติศาสตร์สโมสร เป็นรองเพียงเอียน รัช, โรเจอร์ ฮันต์ และกอร์ดอน ฮอดจ์สัน เท่านั้น แต่หากยังคงรักษาฟอร์มการเล่นเช่นนี้ต่อไป มีความเป็นไปได้สูงว่าเขาอาจขึ้นไปท้าทายตำแหน่งดาวซัลโวสูงสุดตลอดกาลของสโมสรในอนาคต

นอกจากฝีเท้าแล้ว สิ่งที่ทำให้ซาลาห์ได้รับความเคารพจากทั้งเพื่อนร่วมทีมและแฟนบอลคือ “ความถ่อมตัว” เขาไม่เคยโอ้อวด ไม่เคยแสดงอาการเย่อหยิ่ง ทุกครั้งที่ยิงประตูได้ เขามักยกมือขอบคุณฟ้าและยิ้มอย่างอบอุ่นให้แฟน ๆ ทั่วสนาม ภาพเหล่านี้ทำให้เขากลายเป็นที่รักของทุกคนในแอนฟิลด์และทั่วโลก

เสียงชื่นชมจากเพื่อนร่วมทีมก็ดังขึ้นทันทีหลังเกมสำคัญนี้ เวอร์จิล ฟาน ไดค์ กล่าวอย่างตรงไปตรงมาว่า “ซาลาห์คือเครื่องจักรแห่งการทำลายล้าง เขาทำให้ทุกเกมง่ายขึ้นสำหรับเรา เขาคือคนที่เราสามารถพึ่งพาได้ในทุกสถานการณ์” ส่วน เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ ก็กล่าวว่า “ไม่มีใครในห้องแต่งตัวสงสัยในคุณภาพของเขาเลย เขาคือผู้เล่นระดับโลกที่แท้จริง”

แฟนบอลจำนวนมากมองว่า ซาลาห์ได้ก้าวข้ามคำว่า “ตำนาน” ไปแล้ว เพราะสิ่งที่เขาสร้างให้ลิเวอร์พูลไม่ได้มีเพียงตัวเลข แต่คือความเชื่อมั่นและแรงบันดาลใจให้กับคนทั่วโลก โดยเฉพาะเยาวชนจากแอฟริกาและตะวันออกกลาง ที่เห็นในตัวเขาว่า “ไม่มีอะไรเป็นไปไม่ได้”

สื่ออังกฤษอย่าง BBC Sport ถึงกับพาดหัวหลังเกมว่า “King Salah: The Pharaoh of Anfield” พร้อมยกให้ประตูที่ 250 เป็นหนึ่งในช่วงเวลาสำคัญที่สุดของฤดูกาล เพราะมันสะท้อนให้เห็นว่า ลิเวอร์พูลยังคงมีผู้นำที่สามารถแบกรับความหวังของทีมได้ในทุกสถานการณ์

จากมุมมองของแฟนบอลที่ติดตามผ่าน สนใจเริ่มต้นเดิมพันออนไลน์กับเว็บตรง สมัคร UFABET วันนี้ รับสิทธิพิเศษมากมาย ทั้งโบนัสแรกเข้าและระบบฝากถอนออโต้ รวดเร็ว ปลอดภัย 100% หลายคนเชื่อว่า หากซาลาห์ยังรักษามาตรฐานนี้ไว้ได้ เขาอาจพาลิเวอร์พูลกลับมาทวงแชมป์พรีเมียร์ลีกได้อีกครั้งในฤดูกาลนี้ เพราะนอกจากเขาจะยังคงมีสภาพร่างกายที่ยอดเยี่ยม แต่ยังมีความกระหายในการทำลายสถิติใหม่อยู่เสมอ

ในฤดูกาลปัจจุบัน ซาลาห์ยังคงนำเป็นดาวซัลโวของทีม ยิงประตูได้ต่อเนื่องในทุกเดือน เขาไม่เพียงมีบทบาทในฐานะผู้ทำประตู แต่ยังทำหน้าที่เป็น “ผู้นำโดยธรรมชาติ” ทั้งในสนามและนอกสนาม คล็อปป์ถึงกับเคยกล่าวไว้ว่า “ถ้าคุณมีซาลาห์ในทีม คุณจะรู้สึกปลอดภัยเสมอ เพราะเขาคือคนที่ไม่เคยยอมแพ้”

ไม่ว่าจะมองในมิติใด — ตัวเลข, ความทุ่มเท, หรือผลกระทบที่เขาสร้างให้สโมสร — โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ได้กลายเป็นสัญลักษณ์ของยุคใหม่แห่งความยิ่งใหญ่ของลิเวอร์พูลอย่างสมบูรณ์ เขาคือภาพสะท้อนของคำว่า “Never Give Up” ที่แฟนบอลหงส์แดงยึดถือมาช้านาน

แม้จะมีข่าวลือเรื่องการย้ายทีมไปยังซาอุดิอาระเบียในช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมา แต่ซาลาห์เลือกที่จะอยู่ต่อ และสิ่งนั้นแสดงถึงความจงรักภักดีของเขาที่มีต่อสโมสรแห่งนี้ เขาเคยกล่าวว่า “ลิเวอร์พูลคือบ้านของผม แฟนบอลที่นี่คือครอบครัวของผม” และประตูที่ 250 คือของขวัญชิ้นใหญ่ที่เขามอบกลับให้พวกเขา

เส้นทางของซาลาห์ยังไม่สิ้นสุด และไม่มีใครรู้ว่าตัวเลขสุดท้ายของเขาจะหยุดอยู่ที่เท่าไหร่ แต่สิ่งหนึ่งที่แน่นอนคือ ชื่อของ “โมฮาเหม็ด ซาลาห์” จะถูกจารึกไว้ในประวัติศาสตร์ของลิเวอร์พูลเคียงข้างตำนานผู้ยิ่งใหญ่อย่างเอียน รัช และเคนนี่ ดัลกลิช

ท้ายที่สุด สำหรับผู้ที่ติดตามฟุตบอลผ่านเข้าถึงทุกการเดิมพันได้ง่ายผ่าน ทางเข้า UFABET ล่าสุด เว็บตรงไม่ผ่านเอเย่นต์ รองรับมือถือทุกระบบ เข้าเล่นได้ตลอด 24 ชั่วโมง และแฟนบอลทั่วโลก นี่ไม่ใช่เพียงข่าวของการทำลายสถิติ แต่คือเรื่องราวของความพยายาม ความมุ่งมั่น และแรงบันดาลใจของชายคนหนึ่งที่เริ่มต้นจากจุดเล็ก ๆ แล้วเติบโตขึ้นจนกลายเป็นตำนานในหนึ่งในสโมสรที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของโลก

จากวันแรกที่เขาสวมเสื้อสีแดงจนถึงวันนี้ ซาลาห์ได้พิสูจน์แล้วว่าความยิ่งใหญ่ไม่ได้มาจากโชคชะตา แต่มาจากความพยายามอย่างไม่หยุดยั้ง และสำหรับแฟนบอลหงส์แดงทั่วโลก ประตูที่ 250 ไม่ใช่เพียงตัวเลข แต่มันคือ “สัญลักษณ์แห่งยุคทอง” ของลิเวอร์พูล ที่จะไม่มีวันเลือนหายไปจากความทรงจำของผู้คนในโลกฟุตบอลตลอดกาล.