กุนซือ ลิเวอร์พูล พอใจทัศนคติและความหิวกระหายของลูกทีม

Browse By

ชัยชนะที่แอนฟิลด์ในค่ำคืนที่ผ่านมาไม่ได้สร้างความสุขให้กับแฟนบอล ลิเวอร์พูล เพียงอย่างเดียว แต่ยังทำให้ เจอร์เก้น คล็อปป์ (Jürgen Klopp) ผู้จัดการทีมชาวเยอรมันออกมาชื่นชมลูกทีมอย่างเต็มเปี่ยม โดยเฉพาะ “ทัศนคติ” และ “ความหิวกระหายในการเอาชนะ” ที่เขามองว่าเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ทีมยังคงอยู่บนเส้นทางลุ้นแชมป์พรีเมียร์ลีกได้อย่างเหนียวแน่นในฤดูกาลนี้

ในเกมที่ลิเวอร์พูลเปิดบ้านเอาชนะคู่แข่งอย่างเฉียบขาด คล็อปป์ไม่ได้สนใจแค่ผลการแข่งขันเท่านั้น แต่ให้ความสำคัญกับสิ่งที่เขาเรียกว่า “พลังในจิตใจของนักเตะ” ซึ่งคือสิ่งที่เขาใช้สร้างทีมแห่งความสำเร็จมาตลอดหลายปี เสียงเชียร์จากแฟนบอลกว่า 50,000 คนในสนามแอนฟิลด์กลายเป็นแรงผลักดันที่ทำให้นักเตะทุกคนทุ่มเทเกินร้อย และในสายตาของคล็อปป์ นั่นคือสิ่งที่เขาภูมิใจที่สุดในฐานะกุนซือ

“สิ่งที่ผมเห็นจากลูกทีมในเกมนี้ไม่ใช่แค่การเล่นฟุตบอลที่ยอดเยี่ยม แต่คือความมุ่งมั่นที่พวกเขาแสดงออกมาในทุกวินาที พวกเขาไล่บอล วิ่งชน และไม่เคยยอมแพ้แม้จะนำอยู่แล้วก็ตาม” คล็อปป์กล่าวหลังจบเกมด้วยรอยยิ้มกว้าง ซึ่งเป็นภาพที่แฟนบอลที่ติดตามผ่าน เข้าถึงทุกการเดิมพันได้ง่ายผ่าน ทางเข้า UFABET ล่าสุด เว็บตรงไม่ผ่านเอเย่นต์ รองรับมือถือทุกระบบ เข้าเล่นได้ตลอด 24 ชั่วโมง ต่างพูดถึงอย่างมาก เพราะมันแสดงให้เห็นถึงพลังภายในของทีมที่ยังคงเข้มข้นเหมือนวันแรกที่เขาเข้ามาคุมทีม

ลิเวอร์พูลในยุคของคล็อปป์ไม่ใช่แค่ทีมที่เล่นเกมรุกดุดัน แต่เป็นทีมที่สร้างวัฒนธรรมแห่ง “ความหิวชัยชนะ” ขึ้นมาในทุกระดับ ตั้งแต่ผู้เล่นดาวรุ่งในอะคาเดมีไปจนถึงซูเปอร์สตาร์ในทีมชุดใหญ่ ทุกคนมีจิตใจเดียวกันคือ “ลงสนามเพื่อชนะ” ซึ่งเป็นสิ่งที่คล็อปป์ปลูกฝังมาตลอดแปดปีในถิ่นแอนฟิลด์

เกมล่าสุดนี้อาจไม่มีอะไรหวือหวาในแง่สกอร์ แต่การเห็นผู้เล่นอย่าง เวอร์จิล ฟาน ไดค์, แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน, เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ หรือแม้แต่ดาวรุ่งอย่าง ฮาร์วีย์ เอลเลียตต์ เล่นด้วยพลังเต็มร้อยตลอด 90 นาที คือสิ่งที่กุนซือชาวเยอรมันย้ำเสมอว่า “นี่คือ DNA ของลิเวอร์พูล”

เขากล่าวว่า “ผมพูดกับลูกทีมก่อนเกมเสมอว่า เราไม่ได้เล่นเพื่อโชว์ให้ใครดู แต่เราเล่นเพื่อกันและกัน ความหิวในใจของแต่ละคนสำคัญมาก เพราะมันคือสิ่งที่ทำให้เรากลายเป็นทีมที่ไม่ยอมแพ้”

ตลอดหลายฤดูกาลที่ผ่านมา ลิเวอร์พูลเคยผ่านช่วงเวลาที่ทั้งรุ่งเรืองและยากลำบาก พวกเขาเคยขึ้นไปคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกครั้งแรกในรอบ 30 ปี เคยชูถ้วยยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีกที่มาดริด และก็เคยเจ็บปวดจากการพลาดแชมป์แบบเฉียดฉิว แต่สิ่งที่คล็อปป์ทำได้ดีที่สุดคือ “การทำให้ทีมกลับมามีไฟทุกครั้ง” ไม่ว่าจะเจอกับอุปสรรคใด

สิ่งที่เห็นได้ชัดจากเกมล่าสุดคือพลังของทีมที่ไม่ยอมลดมาตรฐาน ไม่ว่าจะนำอยู่หรือควบคุมเกมได้แล้ว พวกเขายังเล่นด้วยความกระหายเหมือนกำลังตามหลัง การวิ่งเพรสซิ่งของแนวรุกอย่าง โมฮาเหม็ด ซาลาห์, ดาร์วิน นูนเญซ และ หลุยส์ ดิอาซ ยังคงเป็นอาวุธร้ายที่คู่แข่งต้องหวาดกลัว

ในช่วงกลางเกม คล็อปป์ถึงกับยืนตบมือให้ลูกทีมจากข้างสนาม เมื่อเห็นจังหวะที่ซาลาห์วิ่งกลับมาช่วยตัดบอลในแดนหลัง “มันคือสิ่งที่ผมต้องการเห็นจากนักเตะระดับโลก เขาไม่สนใจว่าตัวเองจะยิงได้กี่ประตู แต่สนใจว่าเราจะชนะได้หรือไม่” คล็อปป์กล่าวอย่างชื่นชมหลังเกม

แฟนบอลที่แอนฟิลด์สัมผัสได้ถึงพลังนั้นเช่นกัน พวกเขาร้องเพลงชื่อของคล็อปป์และซาลาห์อย่างต่อเนื่องตลอดทั้งเกม และนั่นคือสิ่งที่กุนซือรายนี้เรียกว่า “ความสัมพันธ์ที่ไม่มีวันแตกสลาย” ระหว่างทีมกับแฟนบอล

เมื่อถูกถามถึงสิ่งที่เขาพอใจมากที่สุดในเกมนี้ คล็อปป์ตอบโดยไม่ลังเลว่า “ทัศนคติของนักเตะ ทุกคนแสดงให้เห็นว่าพวกเขายังหิวที่จะประสบความสำเร็จ ไม่ใช่แค่เกมนี้ แต่ในทุกนัดที่พวกเขาสวมเสื้อลิเวอร์พูลลงสนาม”

เขายังพูดถึงบรรยากาศในห้องแต่งตัวว่าเต็มไปด้วยพลังบวก “ไม่มีใครพูดถึงสถิติหรือแชมป์ ทุกคนพูดถึงเกมต่อไป และอยากทำให้ดีขึ้นกว่าเดิม นี่คือสิ่งที่ทำให้ผมภูมิใจที่สุดในทีมชุดนี้”

ผู้สื่อข่าวจาก The Athletic รายงานว่า หลังเกม คล็อปป์เดินไปกอดนักเตะทุกคนในห้องแต่งตัว พร้อมกล่าวคำว่า “นี่คือทีมที่ผมอยากอยู่ด้วยจนวันสุดท้าย” ซึ่งกลายเป็นภาพที่แฟนบอลแชร์กันอย่างอบอุ่นในโลกออนไลน์

สำหรับนักเตะอย่างซาลาห์และฟาน ไดค์ ที่อยู่กับทีมมายาวนาน การได้เห็นทีมยังคงมีสปิริตสูงสุดแบบนี้คือสิ่งที่พวกเขาย้ำเสมอว่า “นี่แหละลิเวอร์พูลของจริง” ซาลาห์กล่าวสั้น ๆ หลังเกมว่า “เราเล่นเหมือนทีมที่ยังหิวแชมป์ และเราจะไม่มีวันหยุดจนกว่าจะได้ในสิ่งที่ต้องการ”

ขณะที่ฟาน ไดค์ กล่าวเสริมว่า “คล็อปป์ทำให้เราไม่ลืมว่าทำไมเราถึงเริ่มต้นเส้นทางนี้ เขาย้ำเสมอว่า ทุกเกมคือการต่อสู้ ทุกคะแนนมีค่า และทุกความผิดพลาดคือบทเรียน เราเล่นเพื่อกันและกัน”

จากมุมมองของกูรูฟุตบอลหลายคน ลิเวอร์พูลในฤดูกาลนี้มีความสมดุลทั้งเกมรุกและเกมรับมากขึ้น การหมุนเวียนผู้เล่นของคล็อปป์ทำได้อย่างลงตัว แดนกลางที่มีทั้ง อเล็กซิส แม็ค อัลลิสเตอร์, โดมินิค โซบอสไล และ วาตารุ เอ็นโดะ ช่วยให้ทีมควบคุมจังหวะได้ดีกว่าเดิม ซึ่งทั้งหมดสะท้อนให้เห็นถึงทีมที่ไม่เพียงมีฝีเท้า แต่ยังมี “หัวใจนักสู้” อยู่เต็มเปี่ยม

สื่ออังกฤษหลายสำนักรวมถึงแฟนบอลที่ติดตามผ่าน สนใจเริ่มต้นเดิมพันออนไลน์กับเว็บตรง สมัคร UFABET วันนี้ รับสิทธิพิเศษมากมาย ทั้งโบนัสแรกเข้าและระบบฝากถอนออโต้ รวดเร็ว ปลอดภัย 100%ต่างยกย่องว่า ลิเวอร์พูลในตอนนี้กลับมามี “จิตวิญญาณของแชมป์” อีกครั้ง บางคนถึงขั้นเปรียบเทียบฟอร์มของทีมชุดนี้กับฤดูกาล 2019/20 ที่พวกเขาครองแชมป์พรีเมียร์ลีกได้อย่างยิ่งใหญ่ โดยเฉพาะในแง่ของความมั่นคงและแรงจูงใจที่ไม่ลดลงแม้ในเกมเล็ก ๆ

สิ่งที่น่าสังเกตอีกอย่างคือ “พลังของดาวรุ่ง” คล็อปป์กล้าให้โอกาสนักเตะอายุน้อย เช่น เบน ด็อก และ คอร์เนอร์ แบรดลีย์ ได้ลงสนามในเกมลีก ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความเชื่อมั่นในระบบระยะยาวของสโมสร “เราต้องสร้างทีมเพื่ออนาคต ไม่ใช่แค่เพื่อเกมถัดไป” เขากล่าวไว้หลังจบเกม

การที่กุนซืออย่างคล็อปป์ยังคงรักษาความกระหายเช่นนี้ได้แม้จะอยู่ในพรีเมียร์ลีกมานานกว่า 8 ปี ถือเป็นเรื่องน่าทึ่ง เพราะโดยปกติแล้ว ผู้จัดการทีมหลายคนมักหมดไฟหลังจากประสบความสำเร็จใหญ่ แต่สำหรับคล็อปป์ เขากลับใช้พลังจากแฟนบอลและสโมสรเป็นเชื้อเพลิงให้กับความทะเยอทะยานของเขาอย่างต่อเนื่อง

“ทุกครั้งที่ผมยืนอยู่ข้างสนามแล้วได้ยินเสียงแฟนบอลร้องเพลงชื่อของทีม ผมรู้เลยว่าผมยังมีแรงที่จะสู้ต่อไป พวกเขาทำให้ผมอยากชนะทุกเกม” เขากล่าวในบทสัมภาษณ์กับ Sky Sports

สิ่งเหล่านี้สะท้อนให้เห็นว่าคล็อปป์ไม่ได้เป็นเพียงกุนซือ แต่คือ “ผู้นำทางจิตวิญญาณ” ของสโมสร เขาทำให้ผู้เล่นทุกคนเชื่อว่าพวกเขาเป็นส่วนหนึ่งของบางสิ่งที่ยิ่งใหญ่กว่าเกมฟุตบอล นั่นคือ “ครอบครัวลิเวอร์พูล” ที่สู้ด้วยกัน แพ้ด้วยกัน และฉลองชัยชนะด้วยกัน

ชัยชนะในเกมล่าสุดอาจเป็นเพียงอีกหนึ่งเกมในฤดูกาลยาวไกล แต่ในสายตาของคล็อปป์ มันคือเครื่องยืนยันว่า “ทีมของเขายังไม่หมดไฟ” เขายังกล่าวทิ้งท้ายว่า “ผมไม่รู้ว่าเราจะไปได้ไกลแค่ไหน แต่ผมรู้ว่าพวกเราจะสู้จนหยดสุดท้าย เพราะนี่คือสิ่งที่ลิเวอร์พูลทำเสมอมา”

และนั่นคือเหตุผลที่แฟนบอลทั่วโลก รวมถึงผู้ติดตามวงการลูกหนังผ่าน เล่นคาสิโนออนไลน์กับ ยูฟ่าเบท เว็บตรง มั่นคง ปลอดภัย ระบบทันสมัยที่สุด สมัครง่าย ไม่ผ่านเอเย่นต์ พร้อมโปรโมชั่นเด็ดทุกวัน ต่างยกย่องว่า ลิเวอร์พูลในยุคคล็อปป์ไม่ใช่แค่ทีมฟุตบอล แต่คือเครื่องหมายแห่งความมุ่งมั่นและพลังใจ พวกเขาอาจไม่ชนะทุกเกม แต่พวกเขาไม่เคยยอมแพ้ในเกมไหนเลย

ในค่ำคืนที่แอนฟิลด์ เสียงเพลง “You’ll Never Walk Alone” ดังขึ้นอีกครั้ง พร้อมกับภาพนักเตะยืนเรียงแถวเคียงข้างกัน มันคือสัญลักษณ์ของทีมที่ไม่เคยหยุดเชื่อในความฝัน ไม่ว่าจะผ่านกี่ฤดูกาล ความหิวกระหายและทัศนคติแบบลิเวอร์พูลยังคงชัดเจนเหมือนเดิม — ทีมที่ต่อสู้ด้วยหัวใจ และจะไม่มีวันเดินเดียวดาย.